วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประวัติศาสตร์ แห่ง วัดศรีอุบลรัตนาราม หรือวัดศรีทอง แห่ง อุบลราชธานี

ประวัติศาสตร์ แห่ง วัดศรีอุบลรัตนาราม หรือวัดศรีทอง แห่ง อุบลราชธานี

วัดศรีอุบลรัตนารามหรือวัดศรีทอง จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสายธรรมยุตสร้างเมื่อปี พ.ศ.2398 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงปีนี้ก็มีอายุครบ 150 ปีบริบูรณ์
สถานที่ตั้งของวัดศรีอุบลรัตนารามเดิมทีเป็นสวนของพระอุปฮาชโทต้นตระกูล ณ อุบลราชธานี ซึ่งมีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาจึงยกที่ดินให้ราว 30 ไร่เศษเพื่อใช้สร้างวัดพร้อมอาราธนาพระเทวธัมมีจากวัดสุปัฏนารามมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด
ในสมัยการปกครองที่ใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ วัดศรีอุบลรัตนารามได้ใช้เป็นที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาและเป็นที่บรรพชาอุปสมบทพระมหาเถระหลายรูป อาทิเช่น พระอุบาลีคุณูปมาจารย์, สมเด็จพระมหาวีรวงศ์, พระอาจารย์เสาร์ กนตสีโล, , พระศาสนาดิลก, พระอาจารย์มั่น ภูริทตโต และนอกจากนี้วัดศรีอุบลรัตนารามแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัมพระพุทธรูปคู่บ้านเมืองที่มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุบลราชธานี

สำหรับพระแก้วบุษราคัมนั้นเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปกรรมสมัยเชียงแสน แกะสลักจากแก้วบุษราคัมมีขนาดหน้าตักกว้าง 3 นิ้ว สูง 5 นิ้วเป็นทรัพย์สมบัติของเจ้าปางคำราชวงศ์จากเมืองเชียงรุ้งแสนหวีฟ้าที่แตกหนีมาจากพวกฮ่อมาจากเมืองเชียงรุ้งและมาสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานจ.หนองบัวลำภู

การที่พระแก้วบุษราคัมนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับพระแก้วมรกต เนื่องจากสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช แห่งโยนกเชียงแสนนครเงินยางมีพระแก้วมรกตไว้ในพระนคร ที่ทำให้เจ้านายตามเมืองต่างๆแสวงหาแก้วมณีที่มีค่ามาสร้างเป็นพระพุทธปฏิมากรไว้ในนคร เพื่อที่จะสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาที่ประกอบไปด้วยแก้ว 3 ประการ คือ พระธรรมรัตนะ พระพุทธรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ดังนั้นแล้วในดินแดนสิบสองปันนา ล้านนา ล้านช้าง ซึ่งมีลำธารที่อุดมด้วยรัตนชาติหลากสีนั้นจึงมีพระพุทธรูปสร้างด้วยแก้วมณีอาทิเช่น พระเสตังคมณีนครลำปาง, พระแก้วขาวนครเชียงใหม่ และพระแก้วสีเหลืองที่เรียกกันว่าพระแก้วบุษราคัม

ในเวลาต่อมาพระแก้วบุษราคัมได้ตกทอดมาถึงมือพระเจ้าตาผู้เป็นลูกเจ้าปางคำ และในปีพ.ศ.2314 นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานถูกเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ามาตีพระเจ้าตาถึงอสัญกรรมในสนามรบ เจ้าพระวอและท้าวคำผงจึงอพยพหนีจากศึกมาสร้างบ้านที่บ้านดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมตามมาด้วย และขออยู่ในขันธสีมาเจ้ากรุงธนบุรีโดยสร้างวัดหลวงให้ใช้ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม

จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่5 มีการปฏิรูปการปกครองได้มีการส่งข้าหลวงมากำกับการดูแลงานตามหัวเมืองทำให้เจ้าราชบุตรหนูคำเจ้าเมืองสมัยนั้นเกรงกลัวว่าข้าหลวงจะแสวงหาของสำคัญของบ้านเมืองไปเป็นของตนเอง จึงนำพระแก้วบุษราคัมออกไปจากวัดหลวงไปซ่อนไว้ที่บ้านวังกางฮุง(ซึ่งปัจจุบันเป็นหมู่บ้านอยู่ใน อำเภอวารินชำราบ)

จนกระทั่งพระอุปฮาชโทได้สร้างวัดศรีอุบลรัตนารามมีญาท่านเทวธัมมี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ให้ความเคารพนับถือเป็นเจ้าอาวาสพระอุปฮาชโทจึงไปอัญเชิญพระแก้วบุษราคัมมาถวายเป็นพระพุทธปฏิมาประดิษฐานประจำวัด พระแก้วบุษราคัมจึงได้ถูกอัญเชิญกลับไปในเข้าเมืองอีกครั้ง และในอดีตจะให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาเพียงแค่ปีละครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษาความปลอดภัยขององค์พระแก้วบุษราคัม

แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อมีการจัดระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นเป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพจึงได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าไปกราบนมัสการได้ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.

ติดตามประวัติสาศสตร์อีกมากมายไปที http://travel.sanook.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น